๙ ไม่มีความสะดุ้งกลัว
สรรพสิ่งเป็นศูนย์ ไม่ใช่ไม่มีอะไร แต่เป็นการสะสาง เอาสิ่งที่ไม่เป็นเรื่อง เรื่องเบ็ดเตล็ดออกเสียให้หมดจากจิตเรา ในสมองเรา ถูกชำระให้สะอาด จิตเราก็ถูกชำระให้สะอาด เช่นนี้ก็ใช้ได้แล้ว
ได้เห็น แต่เหมือนกับไม่ได้เห็น คือ ดวงจันทร์ในน้ำ สิ่งซึ่งเกิดขึ้นด้วยเหตุปัจจัย ย่อมเหมือนกับดวงจันทร์ในน้ำ ดูอย่างผิวเผิน...รู้สึกว่ามีดวงจันทร์ แต่ความจริงมันเป็นสิ่งไม่มี นี่คือการปฎิเสธต่อสรรพสิ่งที่เรากล่าวมา ![]() |
เพิ่มคำอธิบายภาพ |
ชีวิตของโพธิสัตว์ เป็นอุดมการณ์ของชีวิตคน แสดงออกโดยสังคมวัตถุ ๔ คือ ทาน, ปิยวาจา, อัตถจริยา และสมานัตตา
....ทาน.... การให้ทรัพย์สินแก่คนอื่นอันเป็นการช่วยเหลือ
....ปิยวาจา.... การพูดที่เต็มไปด้วยความรักความเมตตา
....อัตถจริยา.... การใช้ความฉลาด กล่อมเกลาให้คนอื่นมีความประพฤติดี มีประโยชน์ต่อส่วนรวม
....สมานัตตา.... การปฏิบัติตนให้เหมาะสมสม่ำเสมอ วางตัวได้ถูกต้อง
...สรุปได้ว่า... เป็นการร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคนอื่น
ฉะนั้น ทางแห่งโพธิสัตว์ที่ว่า....ปารมิตา ๖ นั้น ที่ ๑ ก็คือ ทานปารมิตา
การให้ทาน เป็นมารดาที่จะให้กำเนิดแก่ปารมิตาทั้ง ๕ คือ ศีล, ขันติ, วิริยะ, สมาธิ, ปัญญา
....ทาน.... การละความโลภ ให้ทานผู้อื่นด้วยความสงสาร
....ศีล.... เป็นอยู่ตามระเบียบแบบแผน เป็นการกระทำตามศีลธรรม
....ขันติ.... ความอดกลั้น เป็นความถ่อมตน ตรงข้ามความเย่อหยิ่ง แต่ไม่ใช่ความกลัว
....สมาธิ.... ให้จิตใจสงบ
....ปัญญา.... พุทธิปัญญาเข้าถึงสรรพธรรมอย่างถ่องแท้
ความวิปลาสก็ตาม ความเพ้อฝันก็ตาม คือความหลงผิดของเรา ฉะนั้น การละเสียซึ่งความวิปลาสความเพ้อฝัน ก็คือการกำจัดความหลงผิด
นิพพาน ในภาษาสันสกฤต คือ การเป่าให้ดับ นี่คือการเป่าจิตที่หลงให้ดับ เข้าเขตที่เป็นสุข นิพพาน
แม้จะแปลว่า ไปเกิด แต่ไม่ใช่หมายความว่า ตาย
คนสามัญมักนำคำว่า ไปเกิด กับ ความตาย มาพูดปะปนกัน ความจริงไปเกิดไม่ใช่ความตาย
พระอาจารย์โบราณได้กล่าวว่า...
“ไปเกิดนั้น มีที่ไปเกิดจริง พุทธธรรมไม่ได้สอนให้คนตาย แต่สอนธรรมที่ไม่ตาย เป็นการสอนที่ไปเกิดสุขาวดี จึงเป็นพุทธธรรม”เหตุนี้...ไปเกิด คือไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้า สำเร็จเป็นพุทธ คือการได้ชีวิตอันไม่มีที่สิ้นสุด
พระสูตรกล่าวว่า “ผู้มีปัญญาอันเลิศของโพธิสัตว์ แม้แต่ที่สุดแห่งความเวียนว่ายตายเกิด ย่อมทำประโยชน์ให้แก่สัตว์โลก และไม่คิดจะเข้าสู่นิพพาน”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น